พันธ์ไม่เขตร้อน น่าปลูก
สาระน่ารู้
การลดภาวะโลกร้อนจากไม้ประดับ
ไม้ประดับที่สามารถช่วยดูดสารพิษและฟอกอากาศได้มีดังนี้
1. หมากเหลือง (Areca Palm หรือ Yellow Palm)

หมากเหลือง เป็นไม้ประดับภายในอาคารที่เป็นที่นิยมมากชนิดหนึ่ง เพราะมีความสวยงาม มีความทนต่อสภาพแวดล้อมภายในอาคารและคายความชื้นให้แก่อากาศภายในห้องได้เป็นจำนวนมาก ในขณะที่มีประสิทธิภาพสูงในการดูดสารพิษจากอากาศได้ในปริมาณมากเช่นกัน หมากเหลืองเป็นพืชตระกูลปาล์มที่ปลูกง่าย โตเร็ว เป็นพันธุ์ไม้ขนาดกลาง สูงประมาณ 5–10 เมตร ลำต้นมีลายคล้ายข้อปล้อง โค้งงอและตั้งตรงได้สัดส่วนสวยงาม เจริญพันธุ์ด้วยการแตกหน่อเป็นกอประมาณ 5–12ต้น ใบมีลักษณะเป็นรูปขนนกแผ่นใบมีสีเขียวอมเหลืองออกดอกเป็นช่อสีเหลืองอ่อนเป็นอยู่ใต้กาบใบ
ภายใต้สภาพแวดล้อมห้อง หมากเหลืองขนาดสูง 1.8 เมตรจะคายน้ำประมาณ 1ลิตร ทุกๆ 24 ชั่วโมง ในบรรดาไม้ประดับดูดสารพิษด้วยกัน หมากเหลือง เป็นพืชที่ดูดสารพิษจากอากาศได้ในประมาณมากที่สุดชนิดหนึ่งที่แนะนำให้ปลูกไว้ใน อาคารสำนักงาน หรือ บ้านเรือน
2.จั๋ง (Lady Palm หรือ Ground)

ลักษณะโดยทั่วไป :ปาล์มชนิดแตกกอ ลำต้นขนาดเล็ก สูง ได้ถึง 3 เมตร มีแผ่นใยสีน้ำตาลเข้มคลุมอยู่บางๆ ทั่วลำต้น
ใบ: ใบเดี่ยว เรียงเวียนรอบต้น ใบรูปฝ่ามือ ขอบจักเป็นใบย่อย 4-10 ใบ เรียงแผ่เป็นรูปครึ่งวงกลม ใบย่อยหนาแข็ง รูปเรียว ยาว ปลายใบทู่ ก้านใบยาว
ดอก: ออกเป็นช่อที่ซอกกาบใบ ก้านช่อดอกมีขนดอกแบบแยกเพศและอยู่แยกต้น
ผล: เป็นผลเดี่ยว ทรงกลม ขนาดเล็ก สภาพปลูก: ดินร่วน ระบายน้ำดี ชอบแสงช่วงครึ่งวันเช้าหรือร่มรำไร ปลูกอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่
ขยายพันธุ์: แยกกอและเพาะเมล็ด
ขยายพันธุ์: แยกกอและเพาะเมล็ด
ใบ: ใบเดี่ยว เรียงเวียนรอบต้น ใบรูปฝ่ามือ ขอบจักเป็นใบย่อย 4-10 ใบ เรียงแผ่เป็นรูปครึ่งวงกลม ใบย่อยหนาแข็ง รูปเรียว ยาว ปลายใบทู่ ก้านใบยาว
ดอก: ออกเป็นช่อที่ซอกกาบใบ ก้านช่อดอกมีขนดอกแบบแยกเพศและอยู่แยกต้น
ผล: เป็นผลเดี่ยว ทรงกลม ขนาดเล็ก สภาพปลูก: ดินร่วน ระบายน้ำดี ชอบแสงช่วงครึ่งวันเช้าหรือร่มรำไร ปลูกอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่
ขยายพันธุ์: แยกกอและเพาะเมล็ด
ขยายพันธุ์: แยกกอและเพาะเมล็ด
3.ยางอินเดีย (Rubber Plant)

ในบรรดาไม้ขนาดใหญ่ด้วยกัน ยางอินเดีย เป็นไม้ประดับภายในอาคารที่น่าสนใจ เพราะเจริญเติบโตได้ดีถึงจะมีแสงน้อย ปลูกง่าย ทนทาน ต้องการน้ำไม่มาก แต่ในทางตรงกันข้ามกลับคายความชื้นได้มาก และที่สำคัญเป็นพืชดูดสารพิษช่วยฟอกอากาศภายในบ้านและสำนักงานได้อย่างดีเยี่ยม4.โกสน (Croton)

คนไทยโบราณเชื่อว่าบ้านใดปลูกต้นโกสนไว้ประจำบ้านจะทำให้มีบุญบารมี เพราะโกสนโบราณคงกล่าวถึง กุศล คือการสร้างบุญคุณงามความดีนอกจากนี้ยังมีความเชื่ออีกว่าสามารถช่วยคุ้มครองให้มีความอยู่เย็นเป็นสุขเพราะ คนโบราณเชื่อว่าต้นโกสนเป็นต้นไม้เก่าแก่ที่ปลูกคู่บ้านคู่เมืองโดยสมัยรัชกาลที่5 ทรงนำเข้ามาปลูกไว้ในพระ ราชวังบ้านขุนนางวัดหลวงเพื่อให้เกิดความร่วมเย็นเป็นสุขตลอดมาตำแหน่งที่ปลูกและผู้ปลูกเพื่อเป็นสิริมงคล แก่บ้านและผู้อาศัยควรปลูกต้นโกสนไว้ทางทิศตะวันออก ผู้ปลูกควรปลูกในวันอังคาร เพราะโบราณ เชื่อว่าการ ปลูกไม้เพื่อเอาประโยชน์ทั่วไปทางใบให้ปลูกในวันอังคาร
5.ปาล์มไผ่ ( Bamboo palm (Chamaedorea sefritzii))

ปาล์มไผ่ เป็นปาล์มที่มีขนาดเล็กเจริญเติบโตช้า สูงประมาณ 2 - 3 เมตร แตกกอสวยงาม ดูอ่อนช้อยคล้ายกอไผ่ และเหมาะดีกับการตกแต่งสไตล์โอเรียนทัล รวมทั้งสไตล์ไทย เมื่อปลูกใส่กระถางวางประดับหน้าฝาบ้านสามารถลดความแข็งกระด้างของแผ่นไม้ให้ดูอ่อนช้อยลงได้ทันตา
6.สาวน้อยประแป้ง (Dumb Cane)

สาวน้อยประแป้ง เป็นพันธุ์ไม้ที่นิยมนำมาปลูกเป็นไม้ประดับทั้งภายนอกและภายในอาคารมานานแล้ว เพราะเลี้ยงง่าย ทน และใบมีลวดลายสวยงาม แต่น้อยคนนักที่จะรู้ถึงคุณค่าของสาวน้อยประแป้งในฐานะเป็นไม้ที่ช่วยฟอกอากาศ สามารถดูดสารพิษได้มากชนิดหนึ่ง สาวน้อยประแป้งมีใบใหญ่คล้ายใบพาย มีตั้งแต่สีเขียวอ่อน เขียวแก่ไปจนถึงสีเหลืองอ่อนๆ มีลายแต้มประปรายสีขาวหรือเหลืองอ่อน จึงได้ชื่อว่า สาวน้อยประแป้ง
เป็นพันธุ์ไม้ที่เจริญเติบโตได้ดีในที่ร่ม ชอบอากาศอบอุ่นและความชื้นสูง แต่ก็สามารถปรับตัวเจริญเติบโตได้ดีในห้องที่มีความเย็นและสภาพอาการแห้งแล้ง จึงเป็นพืชที่ปลูกและดูแลง่าย คุณสมบัติของสาวน้อยประแป้งที่มีใบขนาดใหญ่ จึงทำให้เป็นไม้ประดับที่ดูดสารพิษภายในห้องได้เป็นอย่างดี
เป็นพันธุ์ไม้ที่เจริญเติบโตได้ดีในที่ร่ม ชอบอากาศอบอุ่นและความชื้นสูง แต่ก็สามารถปรับตัวเจริญเติบโตได้ดีในห้องที่มีความเย็นและสภาพอาการแห้งแล้ง จึงเป็นพืชที่ปลูกและดูแลง่าย คุณสมบัติของสาวน้อยประแป้งที่มีใบขนาดใหญ่ จึงทำให้เป็นไม้ประดับที่ดูดสารพิษภายในห้องได้เป็นอย่างดี
8.เดหลี (Peace Lily)

เดหลี เป็นไม้ประดับที่โดดเด่นมากชนิดหนึ่ง เนื่องจากให้ดอกสีขาว
ที่สวยงาม จึงมักเป็นที่นิยมนำไปเป็นไม้ประดับในอาคาร เป็นไม้ที่คายความชื้นสูง ในขณะที่มีความสามารถสูงในการดูดพิษภายในอาคาร เดหลีเป็นไม้ประดับที่มีใบสีเขียวเข้มมันเป็นวาว ดอกเป็นช่อสีขาวหรือขาวแกมเหลือง กาบหุ้มช่อดอกมีสีขาวคล้ายดอกหน้าวัว เป็นไม้พุ่มเตี้ยสูงประมาณ 30–60 เซนติเมตร โดยธรรมชาติเดหลีชอบขึ้นอยู่ตามริมลำธารที่มีร่มเงาในป่าฝนเขตร้อน แต่เมื่อนำมาปลูกเป็นไม้ประดับในอาคารเดหลีก็สามารถปรับตัวได้ดี แม้จะมีความชื้นต่ำและรับแสงจากหลอดไฟฟ้า เพียงแต่ดินต้องมีความชุ่มชื้นอยู่เสมอ เป็นไม้ประดับในจำนวนน้อยชนิดที่สามารถออกดอกได้ภายในอาคาร
9.มรกตแดง (Red Emerald Philodendron)

มรกตแดง เป็นพันธุ์ไม้ที่ดูดสารพิษได้ดีที่สุดในบรรดาพันธุ์ไม้ในตระกูลฟิโลเดนดรอน เป็นพันธุ์ไม้ที่ปลูกและดูแลรักษาง่าย จึงถูกแนะนำให้นำมาปลูกเป็นไม้ประดับในอาคาร มรกตแดงเป็นพืชพันธุ์ไม้เลื้อยในตระกูลฟิโลเดนตรอน ตามธรรมชาติจะเลื้อยพันต้นไม้ใหญ่ในป่า จึงไม่ชอบแสงแดดจัด แต่เมื่อนำมาปลูกเป็นไม้ประดับภายในอาคารก็เป็นไม้ที่แข็งแรง ปลูกเลี้ยงง่ายไม่ค่อยมีปัญหา มรกตแดงมีใบใหญ่ สีเขียวอมแดงเป็นมัน ดูสวยงาม การปลูกภายในอาคารให้ใช้กาบมะพร้าวหุ้มไม้ปักไว้ในกระถางพรมน้ำให้ชื้น เพื่อให้ยึดเกาะ ถ้าต้องการให้แตกกิ่งก้านสาขามากๆ ก็ควรหมั่นเด็ดยอดตั้งแต่ยังเล็กอยู่
10.แววมยุรา (Prayer Plant)

แววมยุรา เป็นพืชพันธุ์ไม้เลื้อยกึ่งคลุมดินในตระกูลเดียวกับคล้า แต่การปลูกเลี้ยงง่ายกว่ามาก เพราะมีความอดทนและเจริญเติบโตได้ง่ายในทุกสภาวะของห้อง แววมยุรามีใบด้านหน้าสีเขียวสลับลายเขียวแก่หรือน้ำตาล ส่วนหลังสีเขียวอมแดงหรือม่วงมีลายสลับเช่นเดียวกัน เนื่องด้วยใบมีลวดลายและสีสันสวยงามคล้ายหางนกยูงจึงได้ชื่อไทยว่า “แววมยุรา” ส่วนภาษาอังกฤษได้ชื่อว่า “Prayer Plan” แปลว่า ต้นไม้พนมมือ โดยตั้งชื่อตามลักษณะการกระดกของใบตั้งขึ้นเหมือนการพนมมือตอนใกล้ค่ำ พอตอนรุ่งเช้าใบก็จะคลี่ออกตามเดิม
แววมยุราเป็นไม้ประดับในอาคารที่ทำหน้าที่รักษาความชุ่มชื้นภายในห้องได้ดี ถึงแม้ว่าคุณสมบัติในการดูดสารพิษจะน้อยไปสักนิดก็ตาม
แววมยุราเป็นไม้ประดับในอาคารที่ทำหน้าที่รักษาความชุ่มชื้นภายในห้องได้ดี ถึงแม้ว่าคุณสมบัติในการดูดสารพิษจะน้อยไปสักนิดก็ตาม
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น